snow storm...again
ครั้งแรกในเมืองไทย YAMAHA Automatic Festival 2010 สุดยิ่งใหญ่อลังการ
พร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดกับพรีเซ็นเตอร์สุดเซอร์ไพรส์ ร่วมทดสอบรถออโตเมติกใหม่ในสนามแข่งสุดท้าทายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น
- สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับนักแข่งแชมป์โลก และรองแชมป์โลก โมโตจีพี ปีล่าสุด วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่
- ชมเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และความเป็นมาของผู้นำรถออโตเมติกทุกรุ่นใน โดมไฮเทค
- ช้อปของแต่งรถจักรยานยนต์หลากหลายรายการและเสื้อผ้ายามาฮ่าในราคาสุดราคาพิเศษ
- ชมการดวลแข้งระหว่างดาราซุปเปอร์สตาร์ปะทะยามาฮ่าคลับ ชาว Red Deva
และ Yamaha Red Deva Futsal Cup การแข่งขันฟุตซอลของยามาฮ่าคลับชาว Red Deva โดยทีม Release Fino Club จะพบกับ ทีม มหาดไทยฟีโน่ คลับ และ ทีม Red Bike จะพบกับ ทีม My Style Club
- ชิงรางวัลสุดพิเศษแพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมดูการแข่งขัน MotoGP ประเทศมาเลเซีย
- ชมการ MODIFY รถ และ ตกแต่งรถจากช่างผู้ชำนาญ
- ชมรถแต่งออโตเมติกกว่า 200 คัน ร่วมโชว์ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์การตกแต่งที่ไร้ขีดจำกัดทางความคิด
Automatic Bike Show By Club จากทั่วประเทศ
- การทดสอบรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดในสไตล์ DRAG ที่ตื่นเต้นและท้าทาย
- ทดสอบความแรงรถของคุณด้วยเครื่อง DYNO TEST
- โชว์สนุกๆจาก ปอม ปอม เกิร์ล
- ร่วมสนุกกับเกมสไตล์สปอต ของรางวัลเพียบ
- ลูกค้ายามาฮ่าลงทะเบียนรับของที่ระลึกฟรี! พร้อมลุ้นรางวัลในงานอีกเพียบ
- ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก Body Slam
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1144
ครั้งแรกในเมืองไทย YAMAHA Automatic Festival 2010 สุดยิ่งใหญ่อลังการ
พร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดกับพรีเซ็นเตอร์สุดเซอร์ไพรส์ ร่วมทดสอบรถออโตเมติกใหม่ในสนามแข่งสุดท้าทายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น
- สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับนักแข่งแชมป์โลก และรองแชมป์โลก โมโตจีพี ปีล่าสุด วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่
- ชมเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และความเป็นมาของผู้นำรถออโตเมติกทุกรุ่นใน โดมไฮเทค
- ช้อปของแต่งรถจักรยานยนต์หลากหลายรายการและเสื้อผ้ายามาฮ่าในราคาสุดราคาพิเศษ
- ชมการดวลแข้งระหว่างดาราซุปเปอร์สตาร์ปะทะยามาฮ่าคลับ ชาว Red Deva
และ Yamaha Red Deva Futsal Cup การแข่งขันฟุตซอลของยามาฮ่าคลับชาว Red Deva โดยทีม Release Fino Club จะพบกับ ทีม มหาดไทยฟีโน่ คลับ และ ทีม Red Bike จะพบกับ ทีม My Style Club
- ชิงรางวัลสุดพิเศษแพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมดูการแข่งขัน MotoGP ประเทศมาเลเซีย
- ชมการ MODIFY รถ และ ตกแต่งรถจากช่างผู้ชำนาญ
- ชมรถแต่งออโตเมติกกว่า 200 คัน ร่วมโชว์ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์การตกแต่งที่ไร้ขีดจำกัดทางความคิด
Automatic Bike Show By Club จากทั่วประเทศ
- การทดสอบรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดในสไตล์ DRAG ที่ตื่นเต้นและท้าทาย
- ทดสอบความแรงรถของคุณด้วยเครื่อง DYNO TEST
- โชว์สนุกๆจาก ปอม ปอม เกิร์ล
- ร่วมสนุกกับเกมสไตล์สปอต ของรางวัลเพียบ
- ลูกค้ายามาฮ่าลงทะเบียนรับของที่ระลึกฟรี! พร้อมลุ้นรางวัลในงานอีกเพียบ
- ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก Body Slam
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1144
Aprilia MXV 4.5
Never have I ridden a dirtbike that attracts as much attention as this. Everyone who spies it does a double-take, makes a beeline for my pit area, gives the bike a good once-over and then waxes poetic about the futuristic styling: the shape of the frame, seat and plastic; the far-out front fender supports; the foam-covered air inlets in what appears to be the gas tank; and the dual exhaust outlets under the seat. Yet ironically, most don't notice the very feature that makes the Aprilia MXV 4.5 unique.
It's got two cylinders.
It's been a few years since the Italian company introduced its family of 450 and 550cc dual-sport and supermoto twins, and the motocrosser is the latest addition. Much more than a merely stripped-down version of its predecessors, the 'crosser features a heavily revised frame and engine aimed at optimizing power and weight.
Throw a leg over the MXV and, aside from the filler cap for the underseat gas tank being right in your crotch, most of the weirdness disappears. Until you kick-start it, and the fuel-injected, 449cc V-twin responds by revving out for a few seconds before falling back to idle, sounding like a pair of 250s parked side-by-side.
At low revs and slow speeds, the engine is torquey and tractable, pulling cleanly through technical sections and out of tighter corners. At higher revs and faster speeds, you'd better hold on tight, because this thing is a rocket! Fortunately there's a switch that lets you toggle from Hard to Soft engine maps, which is a real boon when you're tiring toward the end of a long moto. The spread of power from just above idle to 12,500 rpm is so broad that I didn't even realize the MXV had a four-speed gearbox until I read the specs afterwards! Those wanting more power have the option of switching the ignition timing from the standard Big Bang to Screamer mode, though you'd have to be seriously demented to do so.
The MXV 4.5 only really has two shortcomings. First, its twin-cylinder engine makes it illegal for AMA Pro Racing; check your local club's rules before you sign on the dotted line. And second, at $8499 it's expensive for a dirtbike, even compared to its fellow European exotics from Husqvarna, Husaberg and KTM.
That price won't seem so high to street riders, however, particularly those who've shelled out $15K or more for an Aprilia, Ducati or MV Agusta. And truthfully, if you've got one of those parked in your garage, the MXV 4.5 is the only worthy stablemate shod with knobs.
Particularly if you like being the center of attention.
tech
Spec
Price | $8499 |
Engine type | l-c 77-deg. V-twin |
Valve train | SOHC, 8v |
Displacement | 449cc |
Transmission | 4-speed |
Claimed horsepower | na |
Claimed torque | na |
Frame | Aluminum/steel composite |
Front suspension | 50mm Marzocchi inverted fork with adjustable compression and rebound damping |
Rear suspension | Sachs shock with adjustable spring preload, high/low-speed compression and rebound damping |
Front brake | Nissin two-piston caliper, 270mm disc |
Rear brake | Nissin single-piston caliper, 240mm disc |
Front tire | 80/100-21 Dunlop D756F |
Rear tire | 120/90-19 Dunlop D756 |
Seat height | 37.8 in. |
Wheelbase | 59.0 in. |
Fuel capacity | 2.0 gal. |
Claimed dry weight | 238 lbs. |
Contact | www.apriliausa.com |
"ฟีม" ยึดเบอร์เดิมซิ่ง MOTO2 จับตาสีรถใหม่อาจฉีกแนว
สหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ็ม) ประกาศรายชื่อพร้อมหมายเลขรถสำหรับนักบิดทั้ง 3 รุ่น ในฤดูกาล 2010 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรากฎว่า "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดไทยยังคงยึดเบอร์ 14 อันเป็นเลขวันเกิดเหมือนในช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุด
ส่วนเบอร์รถของนักบิดดังในรุ่น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ ซึ่งเป็นรุ่นที่ฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดขึ้นมาใหม่แทนรุ่น 250 ซีซีเดิม ที่น่าสนใจได้แก่ ยูกิ ทากาฮาชิ อดีตนักบิดรุ่นโมโตจีพีใช้เบอร์ 72 ,ไมค์ ดิ เมกลิโอ อดีตแชมป์โลก 125 ซีซี ใช้เบอร์ 63 และเฮคตอร์ เฟาเบล เพื่อนร่วมทีมฮอนดา-สต็อป แอนด์ โก ของฟีมใช้เบอร์ 55
ขณะที่ในรุ่นโมโตจีพี นักบิดชั้นนำของวงการยังคงใช้หมายเลขรถเดิมของตัวเองทั้ง วาเลนติโน รอสซี เบอร์ 46 ,ฮอร์เก ลอเรนโซ เบอร์ 99 ,เคซีย์ สโตเนอร์ เบอร์ 27 ส่วนนักบิดจากรุ่น 250 ซีซีเดิมที่ขยับขึ้นมา มาร์โก ซิมอนเชลลี เบอร์ 58 ,ฮิโรชิ อาโอยามา เบอร์ 7 และอัลวาโร เบาติสตา เบอร์ 19
ด้านความเคลื่อนไหวของการเตรียมตัวสู่ศึก MOTO2 ฤดูกาลใหม่ของรัฐภาคย์ มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า รถแข่ง MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนสีสันและลวดลายไปจากเดิม ตามสีสันของสปอนเซอร์รายใหม่
โดยใน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมารถแข่งของฟีมใช้ลวดลายของ ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย เป็นสีหลักมาโดยตลอด ซึ่งแม้ปตท.จะยังคงสนับสนุนฟีมต่อในฤดูกาล 2010 แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจมีสปอนเซอร์เจ้าอื่นเข้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในปีนี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
"ฟีม" ยึดเบอร์เดิมซิ่ง MOTO2 จับตาสีรถใหม่อาจฉีกแนว
สหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ็ม) ประกาศรายชื่อพร้อมหมายเลขรถสำหรับนักบิดทั้ง 3 รุ่น ในฤดูกาล 2010 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรากฎว่า "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดไทยยังคงยึดเบอร์ 14 อันเป็นเลขวันเกิดเหมือนในช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุด
ส่วนเบอร์รถของนักบิดดังในรุ่น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ ซึ่งเป็นรุ่นที่ฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดขึ้นมาใหม่แทนรุ่น 250 ซีซีเดิม ที่น่าสนใจได้แก่ ยูกิ ทากาฮาชิ อดีตนักบิดรุ่นโมโตจีพีใช้เบอร์ 72 ,ไมค์ ดิ เมกลิโอ อดีตแชมป์โลก 125 ซีซี ใช้เบอร์ 63 และเฮคตอร์ เฟาเบล เพื่อนร่วมทีมฮอนดา-สต็อป แอนด์ โก ของฟีมใช้เบอร์ 55
ขณะที่ในรุ่นโมโตจีพี นักบิดชั้นนำของวงการยังคงใช้หมายเลขรถเดิมของตัวเองทั้ง วาเลนติโน รอสซี เบอร์ 46 ,ฮอร์เก ลอเรนโซ เบอร์ 99 ,เคซีย์ สโตเนอร์ เบอร์ 27 ส่วนนักบิดจากรุ่น 250 ซีซีเดิมที่ขยับขึ้นมา มาร์โก ซิมอนเชลลี เบอร์ 58 ,ฮิโรชิ อาโอยามา เบอร์ 7 และอัลวาโร เบาติสตา เบอร์ 19
ด้านความเคลื่อนไหวของการเตรียมตัวสู่ศึก MOTO2 ฤดูกาลใหม่ของรัฐภาคย์ มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า รถแข่ง MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนสีสันและลวดลายไปจากเดิม ตามสีสันของสปอนเซอร์รายใหม่
โดยใน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมารถแข่งของฟีมใช้ลวดลายของ ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย เป็นสีหลักมาโดยตลอด ซึ่งแม้ปตท.จะยังคงสนับสนุนฟีมต่อในฤดูกาล 2010 แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจมีสปอนเซอร์เจ้าอื่นเข้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในปีนี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยส่อแววสดใสรับปีเสือทอง 2553 ฮอนด้าพร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย 21 ปีซ้อน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นต้นมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการที่ภาครัฐสามารถรักษาดุลยภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองไว้ได้ จึงช่วยเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา โดยตลาดรถจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงต้นปี จึงกลับฟื้นสภาพขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย และล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาตลาดรวมมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 127% จาก 116,024 คันในเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 147,424 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 โดยฮอนด้าเองก็เติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 136% จาก 72,683 คันเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 98,946 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้ยอดขายรวมทุกยี่ห้อในปี 52 ปิดตัวเลขลงอย่างสวยงามที่ 1,535,613 คัน หรือเติบโตลดลงเพียง 10% จากปีก่อนหน้า โดยฮอนด้ายังคงครองแชมป์ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 ด้วยยอดจำหน่าย 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนตลาด 66% นับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งทางฮอนด้าขอขอบคุณผู้อุปการะคุณทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจในรถจักรยานยนต์ฮอนด้าด้วยดีอย่างต่อเนื่องเสมอมา และความไว้วางใจนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนารถจักรยานยนต์ที่เพียบพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆให้สอดรับความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างเหนือความคาดหมาย และรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกอันสวยงามใบนี้” นายธีระพัฒน์ กล่าวสรุป
ด้านตลาดรถประเภท AT ที่ฮอนด้าเพิ่งวางตลาดรุ่นใหม่ล่าสุดไป 2 รุ่นในช่วงหลังของปีทั้ง Honda Scoopy I & Honda PCX นั้น ปรากฏว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดรวมรถ AT มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 125% ที่ ยอดรวม 68,793 คัน ในจำนวนนี้เป็นยอดจำหน่ายฮอนด้าเอทีที่ 34,474 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% เป็นการครองสัดส่วนตลาดสูงสุดในรถประเภทเอทีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยมี 2 รุ่นหลักยอดนิยมทั้งฮอนด้าคลิก ไอ ที่ 15,358 คัน และ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่ 15,085 คัน
ในด้านการผลักดันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดออกสู่ตลาดของฮอนด้าอย่างจริงจังตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงปลายปี 2552 สัดส่วนตลาดรถแบบหัวฉีดได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเพียง 23% ในเดือนมกราคม มาเป็น 50% ในเดือนธันวาคม หรือโดยเฉลี่ยทั้งปี รถแบบหัวฉีดมีสัดส่วนตลาดที่ 43% ซึ่งฮอนด้าในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่มาสู่สังคมไทยคาดการณ์ความนิยมในรถแบบหัวฉีดในปี 2553 จะยิ่งเติบโตมากยิ่งขึ้น และมีสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่งของตลาดอย่างแน่นอน
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทในเดือนธันวาคม มียอดจดทะเบียนรวมที่ 147,424 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,790 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% แบบ เอ.ที. 68,793 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,069 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 2,222 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%
ส่วนยอดจดทะเบียนรวมของทั้งปี 2552 อยู่ที่ 1,535,613 คัน เติบโตลดลง 10% จากปีที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความนิยมสูงสุดที่ 755,599 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% รถแบบ เอ.ที. จำนวน 715,801 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตจำนวน 37,286 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 11,567 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมทั้งรถประเภทอื่นๆ 15,360 คัน เทียเท่าสัดส่วนตลาด 1%
สำหรับอัตราครองตลาดในปี 2552 ของแต่ละผู้ผลิตมีดังนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 428,774 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 63,026 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 14,801 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,537 คัน, แพล็ตตินั่ม 1,059 คัน, ไทเกอร์ 1,143 คัน และอื่นๆ 11,155 คัน
เพิ่มเติม http://www.newswit.com/
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยส่อแววสดใสรับปีเสือทอง 2553 ฮอนด้าพร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย 21 ปีซ้อน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นต้นมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการที่ภาครัฐสามารถรักษาดุลยภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองไว้ได้ จึงช่วยเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา โดยตลาดรถจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงต้นปี จึงกลับฟื้นสภาพขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย และล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาตลาดรวมมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 127% จาก 116,024 คันในเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 147,424 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 โดยฮอนด้าเองก็เติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 136% จาก 72,683 คันเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 98,946 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้ยอดขายรวมทุกยี่ห้อในปี 52 ปิดตัวเลขลงอย่างสวยงามที่ 1,535,613 คัน หรือเติบโตลดลงเพียง 10% จากปีก่อนหน้า โดยฮอนด้ายังคงครองแชมป์ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 ด้วยยอดจำหน่าย 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนตลาด 66% นับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งทางฮอนด้าขอขอบคุณผู้อุปการะคุณทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจในรถจักรยานยนต์ฮอนด้าด้วยดีอย่างต่อเนื่องเสมอมา และความไว้วางใจนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนารถจักรยานยนต์ที่เพียบพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆให้สอดรับความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างเหนือความคาดหมาย และรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกอันสวยงามใบนี้” นายธีระพัฒน์ กล่าวสรุป
ด้านตลาดรถประเภท AT ที่ฮอนด้าเพิ่งวางตลาดรุ่นใหม่ล่าสุดไป 2 รุ่นในช่วงหลังของปีทั้ง Honda Scoopy I & Honda PCX นั้น ปรากฏว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดรวมรถ AT มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 125% ที่ ยอดรวม 68,793 คัน ในจำนวนนี้เป็นยอดจำหน่ายฮอนด้าเอทีที่ 34,474 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% เป็นการครองสัดส่วนตลาดสูงสุดในรถประเภทเอทีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยมี 2 รุ่นหลักยอดนิยมทั้งฮอนด้าคลิก ไอ ที่ 15,358 คัน และ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่ 15,085 คัน
ในด้านการผลักดันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดออกสู่ตลาดของฮอนด้าอย่างจริงจังตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงปลายปี 2552 สัดส่วนตลาดรถแบบหัวฉีดได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเพียง 23% ในเดือนมกราคม มาเป็น 50% ในเดือนธันวาคม หรือโดยเฉลี่ยทั้งปี รถแบบหัวฉีดมีสัดส่วนตลาดที่ 43% ซึ่งฮอนด้าในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่มาสู่สังคมไทยคาดการณ์ความนิยมในรถแบบหัวฉีดในปี 2553 จะยิ่งเติบโตมากยิ่งขึ้น และมีสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่งของตลาดอย่างแน่นอน
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทในเดือนธันวาคม มียอดจดทะเบียนรวมที่ 147,424 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,790 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% แบบ เอ.ที. 68,793 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,069 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 2,222 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%
ส่วนยอดจดทะเบียนรวมของทั้งปี 2552 อยู่ที่ 1,535,613 คัน เติบโตลดลง 10% จากปีที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความนิยมสูงสุดที่ 755,599 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% รถแบบ เอ.ที. จำนวน 715,801 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตจำนวน 37,286 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 11,567 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมทั้งรถประเภทอื่นๆ 15,360 คัน เทียเท่าสัดส่วนตลาด 1%
สำหรับอัตราครองตลาดในปี 2552 ของแต่ละผู้ผลิตมีดังนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 428,774 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 63,026 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 14,801 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,537 คัน, แพล็ตตินั่ม 1,059 คัน, ไทเกอร์ 1,143 คัน และอื่นๆ 11,155 คัน
เพิ่มเติม http://www.newswit.com/
yikes!
A Triumph TT De Luxe Motorcycle inspired Time Machine
I suppose this bike started about a year ago when I saw one of the scramblers on eBay. There was just something that drew me to that bike like a cop to a doughnut. I called a buddy of mine who has a salvage business (I do his paint) and told him to be on the look out for a new Triumph, I didn't care what just something affordable. About two weeks later he called and said he found an '06 Bonneville black on an auction that had smoke damage. We wound up winning it for $300.00!
For the frame, I went with a lugged design for some extra detail, and made the cradle removable to help stick with that European style. I did the jackshafted drive to clean up the right side of the wheel, and really to just try something different. Once I got that figured out is when I decided to try a drum rear brake mounted to the jackshaft. I tried several old drums of different makes but nothing was quite right so I had to hunker down and make one. I wound up using aluminum, which I heat-shrunk a sleeve into. The real pain in the arse on this was making it all fit together without too much runout.
Tech Sheet
Model: TT Deluxe
Assembly by: LC Fabrications
Time: 6 months
Chroming: none
Engine
Year: 2006
Model: Triumph
Rebuilder: Jeremy Cupp
Ignition: nology
Displacement: 865cc
Carb: Keihin CR
Air cleaner: Strom 97
Pipes: 2 into 1 by LC Fabrications
Transmission
Modifications: Jackshafted final drive
Painting
Molding: LC Fabrications
Painter: LC Fabrications
Color: Black/Tan
Type: Chromabase
Year: 08
Builder: LC Fabrications
Rake: 28 or so
Stretch: lots in backbone
Other: removable cradle
Accessories
Bars: LC Fabrications
Headlight: eBay
Taillight: LC Fabrications
Front Pegs: LC Fabrications
Electrics: LC Fabrications
Gas Tank: LC Fabrications
Seat: Jeremy and Lindsay Cupp
Type: Druid
Builder: LC Fabrications
Special Features: Friction dampers
Wheels
Front –
Size: 19
Hub: conical mini drum
Rim: cheap
Rear –
Size: 19
Hub: H-D
Rim: cheap
Tires: Firestone military bias
Brakes: drum on jackshaft
Victor Horsman with his Triumph TTracer
Ain't Nothing Like the Real Thing
SO
HET IS GELUKKIG NIEUWJAAR
Victrace Sitebuilding
Suzuki TU250X - Retro Redux
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
From across the street, you'd be forgiven if you mistook the new Suzuki TU250X for a well-kept T250. Except for the single-cylinder four-stroke engine, front disc brake and a few other modern amenities, it pretty much is a '71 T250. Small, lightweight and stylish, the TU is great for beginners or nostalgic riders who want the retro look coupled with modern reliability and performance.
The little Suzuki is powered by an efficient 249cc air-cooled single, updated for the 21st century with fuel injection and electronic ignition for instant starts and smooth running in all conditions. Replacing the blue haze of its pre-mix predecessor, the TU sucks straight 87 octane. To keep emissions low, exhaust is treated to a last-minute dose of fresh air from the well-hidden pulse-air plumbing before being forced through a catalytic converter housed within that tapered chrome muffler.
2009 Suzuki Tu250x Right Side View
The TU has the stability of a low-slung scooter, with the comfort to match. The saddle is generously padded, as is the pillion seat.
The 18-inch spoke wheels and large fenders exude classic style. Smooth lines, lustrous paint and an inviting size attract the eye, but look a little closer and you'll see a number of styling details usually reserved for more expensive models. The bar ends, horn, chain guard and various fasteners are chrome-plated-not the sort of attention to detail you'd expect on a bargain-priced motorcycle. Even the engine cases and fork lowers have been polished, adding to the TU's glimmering appearance. Kudos to Suzuki for cramming so much style into such an affordable package.
Bulbous side panels conceal most of the engine's unsightly life-support systems, keeping the engine window clean and uncluttered. Turn the right-side screw with a coin and the panel pops off to reveal the battery, fuse box and tool kit. Removing the left-side cover provides access to the air filter.
2009 Suzuki Tu250x Wheel
Braking duties are handled by a 275mm rotor and Gladius-spec Tokico two-piston caliper. A surprisingly effective drum brake resides out back.
Slip into the TU's sumptuously padded saddle and the swept-back bars place your hands at an agreeable height and width. Large, rubber-swathed footpegs offer a secure perch, with the big, knurled rear brake lever and shift lever within easy reach. A simple analog speedometer with odometer and tripmeter grace the top of the chrome headlight bucket. The minimalist dash is finished with large neutral and low-fuel lights inset in the black triple clamp.
Dab the starter and the little single jumps to life, settling into a barely-audible pitter-patter idle. Not too experienced with a clutch? The TU's short gearing and robust low-rpm torque make learning the basics simple. Setting the bike into motion is as easy as releasing the clutch lever. Left to idle, the 250 will creep along steadily at walking speed.
Once underway, the TU feels smooth and stable, propelled by a gentle wave of tractable power. A long wheelbase and low center of gravity contribute to a planted feel, whether plonking along in a parking lot or cruising down the boulevard. Power is sufficient to get the jump on city traffic, but brisk acceleration requires quick movement through the five-speed gearbox and a heavy hand on the throttle. Shift action is succinct, but things can get sticky when the engine gets hot sitting in traffic or after sustained high-rpm cruising.
2009 Suzuki Tu250x Engine
Like on its bigger brothers, Suzuki Composite Electrochemical Material (SCEM) cylinder plating has been applied to the little TU to help improve power, efficiency and longevity.
Although its small size and humble displacement are best suited to cross-town jaunts or gentle back-road meanders, the Suzuki fares pretty well on the freeway. With the throttle rolled to the stop it tops out at about 85 mph, with the engine turning at what sounds like 8000 rpm. At freeway speed vibration is minimal, and the large mirrors provide a clear view of the rushing commuters bearing down on you. Despite the narrow 90/90 Cheng Shin front tire, the bike is unruffled by rain grooves and pavement irregularities, thanks no doubt to its generous trail. Braking equipment is more than ample to quickly slow the little TU from maximum speed, and the front brake lever has a taut, responsive feel. With 3.2 gallons of the cheap stuff on board, you can easily ride 150 miles between fill-ups. With a gentle wrist we were able to get about 68 mpg. Caning it on the freeway dropped that figure to 50 mpg.
The TU's 30.3-inch seat height and 328-lb. wet weight mean even smaller riders shouldn't find it a handful. The relaxed ergonomics proved acceptable to a surprisingly broad spread, from our tallest (6'2") to our shortest (5'4") test riders. Chalk it up to that soft, wide seat and those excellent handlebars.
While classic styling and an affordable price tag will attract riders to the TU250X, its sweet demeanor and reliable performance will seal the deal. If you're looking for a retro-style commuter or a friendly first bike, this just might be it.
เปิดบิ๊กไบค์ 'เคทีเอ็ม'จากออสเตรีย
ขยายไปยังภาคเหนือและอีสาน
นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ยี่ห้อ "เคทีเอ็ม" ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม จากออสเตรีย และ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น ตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่มีความชื่นชอบรถจักรยานยนต์สปอร์ตคุณภาพสัญชาติยุโรป โดยรถรุ่นดังกล่าวจะมีการเผยโฉมครั้งแรกในงาน "บางกอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2010" (Bangkok Motorbike Festival 2010) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-31 มกราคมนี้ที่เซ็นทรัล เวิลด์
สำหรับยอดการจดทะเบียนจักรยานยนต์ปีที่แล้ว 1,500,000 คัน โดยตลาดรถบิ๊กไบค์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 13,138 คัน เช่นเดียวกับรถประเภทสปอร์ต ที่มีจำนวน 10,498 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 1% เท่าๆกัน คาดว่าปี 53 ทั้ง 2 ส่วนน่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% เพราะสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการเมืองนิ่งขึ้น และเนื่องจากรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีฐานตัวเลขที่ไม่สูงมาก อีกทั้งเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษีนำเข้าลดลงเป็นศูนย์ ส่งผลให้ราคารถประเภทนี้มีราคาถูกลง ผู้ที่ชื่นชอบรถกลุ่มนี้สามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้มากขึ้น เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ตลาดบิ๊กไบค์มือหนึ่งเข้ามาแชร์ตลาดจากมือสองเพิ่มขึ้น ในส่วนบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งนี้เคทีเอ็ม จัดเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์และผลงานมายาวนาน รวมถึงมีความหลากหลายในการพัฒนาสินค้ามากที่สุดในทุกกลุ่ม ทั้งที่เรียกว่า สตรีตไบค์( street bike) และเรซไบค์ ( race bike) รวม 30-40 โมเดล โดยเคทีเอ็มได้มีการแต่ตั้งให้บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นผู้นำเข้าและ จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นอกจากนี้บริษัทจะได้เปิดตัวจักรยานยนต์ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น คือ รุ่น RS ปี 2010 และ รุ่น RT ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดจากแคนาดา BRP (Bombardier Recreational Product) และถือเป็นการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกแห่งภาคพื้นเอเชียอีกด้วย โดยเฉพาะ RT เป็นสีสันของงาน เนื่องจากเป็นลูกผสมของจักรยานยนต์และรถสปอร์ต 100 แรงม้า โดย CAN-AM SPYDER เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่บริษัทได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่าย แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับแผนการตลาดเพื่อรองรับการบริการทั้ง 2 แบรนด์ บริษัทเตรียมสร้างโชว์รูมแห่งใหม่ใจกลางเมืองบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นอกเหนือจากโชว์รูมเดิมที่ศรีนครินทร์ โดยโชว์รูมแห่งใหม่ ประกอบด้วยส่วนแสดงยนตรกรรมและส่วนให้บริการ คาดว่าโชว์รูมแห่งใหม่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่สองของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายโชว์รูมไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือภายในปีนี้ มุ่งเน้นการจัด event เพื่อสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการสร้าง brand loyalty โดยจะมีบริการและสินค้าอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ตกแต่งครบครัน รวมถึงมีมุมเลานจ์ดีไซน์ทันสมัย เพื่อการพบปะสังสรรค์ของสังคมคนรัก KTM และจัดตั้ง Rider club ขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงใช้การกลยุทธ์การตลาดด้าน CEM (Customer Experiential Marketing) มาประยุกต์ใช้สร้างความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร โดยเปิดให้ผู้สนใจได้ทดลองและสัมผัสสมรรถนะความแรงที่โชว์รูม รวมถึงจะมีแผนการ Test Drive Activities อย่างต่อเนื่อง
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com
เปิดบิ๊กไบค์ 'เคทีเอ็ม'จากออสเตรีย
ขยายไปยังภาคเหนือและอีสาน
นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ยี่ห้อ "เคทีเอ็ม" ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม จากออสเตรีย และ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น ตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่มีความชื่นชอบรถจักรยานยนต์สปอร์ตคุณภาพสัญชาติยุโรป โดยรถรุ่นดังกล่าวจะมีการเผยโฉมครั้งแรกในงาน "บางกอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2010" (Bangkok Motorbike Festival 2010) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-31 มกราคมนี้ที่เซ็นทรัล เวิลด์
สำหรับยอดการจดทะเบียนจักรยานยนต์ปีที่แล้ว 1,500,000 คัน โดยตลาดรถบิ๊กไบค์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 13,138 คัน เช่นเดียวกับรถประเภทสปอร์ต ที่มีจำนวน 10,498 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 1% เท่าๆกัน คาดว่าปี 53 ทั้ง 2 ส่วนน่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% เพราะสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการเมืองนิ่งขึ้น และเนื่องจากรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีฐานตัวเลขที่ไม่สูงมาก อีกทั้งเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษีนำเข้าลดลงเป็นศูนย์ ส่งผลให้ราคารถประเภทนี้มีราคาถูกลง ผู้ที่ชื่นชอบรถกลุ่มนี้สามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้มากขึ้น เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ตลาดบิ๊กไบค์มือหนึ่งเข้ามาแชร์ตลาดจากมือสองเพิ่มขึ้น ในส่วนบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งนี้เคทีเอ็ม จัดเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์และผลงานมายาวนาน รวมถึงมีความหลากหลายในการพัฒนาสินค้ามากที่สุดในทุกกลุ่ม ทั้งที่เรียกว่า สตรีตไบค์( street bike) และเรซไบค์ ( race bike) รวม 30-40 โมเดล โดยเคทีเอ็มได้มีการแต่ตั้งให้บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นผู้นำเข้าและ จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นอกจากนี้บริษัทจะได้เปิดตัวจักรยานยนต์ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น คือ รุ่น RS ปี 2010 และ รุ่น RT ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดจากแคนาดา BRP (Bombardier Recreational Product) และถือเป็นการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกแห่งภาคพื้นเอเชียอีกด้วย โดยเฉพาะ RT เป็นสีสันของงาน เนื่องจากเป็นลูกผสมของจักรยานยนต์และรถสปอร์ต 100 แรงม้า โดย CAN-AM SPYDER เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่บริษัทได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่าย แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับแผนการตลาดเพื่อรองรับการบริการทั้ง 2 แบรนด์ บริษัทเตรียมสร้างโชว์รูมแห่งใหม่ใจกลางเมืองบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นอกเหนือจากโชว์รูมเดิมที่ศรีนครินทร์ โดยโชว์รูมแห่งใหม่ ประกอบด้วยส่วนแสดงยนตรกรรมและส่วนให้บริการ คาดว่าโชว์รูมแห่งใหม่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่สองของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายโชว์รูมไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือภายในปีนี้ มุ่งเน้นการจัด event เพื่อสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการสร้าง brand loyalty โดยจะมีบริการและสินค้าอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ตกแต่งครบครัน รวมถึงมีมุมเลานจ์ดีไซน์ทันสมัย เพื่อการพบปะสังสรรค์ของสังคมคนรัก KTM และจัดตั้ง Rider club ขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงใช้การกลยุทธ์การตลาดด้าน CEM (Customer Experiential Marketing) มาประยุกต์ใช้สร้างความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร โดยเปิดให้ผู้สนใจได้ทดลองและสัมผัสสมรรถนะความแรงที่โชว์รูม รวมถึงจะมีแผนการ Test Drive Activities อย่างต่อเนื่อง
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com
Modification Jupiter MX Racing Style
body that sporty still could be changed or modified in order to appear more sporty I took several photographs from several website about the Jupiter Mx.dengan modification the increase in the wings on the side and low the machine made jupiter mx more sporty at first was installed light jupiter z to the front and without upper light
Yamaha Fazer 250 CC Sport Edition
As we have Vixion, Yamaha Fazer 250 also have been using injection systems, clutch-type multi-plate wet. And also electric starter, battery 12V/6Amp. and 19.2 liters of tank capacity.
Pake front brake discs measure 282mm, front tire size 100/80-17 and 130/70-17 rear tire size, weight of this motor reaches 137 kg.
Modification Honda Beat Low Rider Modified
In the body seemed to be standard. Which replaced a quasi-back, and handel grip. Are still the custom exhaust. The other, the back of the rim width of 6 inches.
2007 Honda CBR 150 Black Edition Modified
If you have the older one, you can modify it so that it looks like this new one. Here also n idea of modifying your CBR 150.
Motorcycle Honda CBR 954 RR MotoGP Style
Guestwriter Gaston Vanzet
Here are as few that I found that might interest you.
Also the Batbike for your movie motorcycle set, we can't forget that one...
Here is another one showing the track a little bit ..
i should have taken more photos of the track..a very sunny day...
the ocean is in the background.
Philip Island has a beautiful race track but the very strong winds off the ocean blows down the front straight and sometimes the older bikes struggle against this wind. The track is also too long for the old bikes. Many old machines suffer mechanical problems over the four days of racing. One racer told me that they only practice on the Friday because they do not want to wear out their machine before the race days.
Hope this is interesting - Gaston
Text & Photo's:
Guestwriter Gaston Vanzet, Australia
For Sure it is...
Thanks!
Victrace Sitebuilding
ferrari v4 superbike
Retro-John
enkele voorbeelden:
SO
Victrace Sitebuilding