ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในปี 2553 นี้ยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศจะพลิกกลับมาขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 5 ถึง 9 จากที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 11 ปี 2552 หรือคิดเป็นจำนวนรถจักรยานยนต์ประมาณ 1,590,000 ถึง 1,650,000 คัน เพิ่มขึ้นจากจำนวนใกล้เคียง 1,520,000 ล้านคันในปี 2552
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายด้านจากทั้งภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น ความผ่อนคลายของกฎเกณฑ์การให้สินเชื่อที่มากขึ้น การแข่งขันกันระหว่างค่ายรถจักรยานยนต์ และฐานที่ต่ำในปี 2552 ส่งผลให้ในปี 2553 ยอดขายรถจักรยานยนต์จะกลับมาดีขึ้นมาก
อย่างไรก็ตามตลาดจะยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากทั้งความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมือง และความไม่ชัดเจนด้านกฎหมายการลงทุนที่อาจจะกดดันตลาดได้ต่อไป
อัตราการขยายตัวของยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศของไทย (%Y-o-Y)
อนึ่ง ยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วงต่อจากนี้ไปจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมการกระตุ้นยอดขายของภาคเอกชนเป็นสำคัญ เช่น กลยุทธ์ด้านสินค้า ได้แก่ การมุ่งนำเสนอรูปแบบของรถที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยเฉพาะความสามารถในการประหยัดน้ำมัน รวมถึงรูปลักษณ์ที่ทันสมัยตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และวัยเริ่มทำงาน ที่มีเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากการใช้กิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากที่สุดในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
ส่วนแรงกระตุ้นจากภาครัฐที่สำคัญอาจมาจากความสามารถในการเร่งการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และการส่งเสริมการลงทุนในด้านต่างๆในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจ้างงาน เป็นการช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและกำลังซื้อให้กับกลุ่มผู้บริโภคระดับล่างซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของตลาดรถจักรยานยนต์
เพิ่มเติม http://www.brandage.com/
จักรยานยนต์ปีเสือ...ขยายตัว 5 -9%
5 มกราคม 2553-ปี 53 ปัจจัยบวกต่างๆ ที่คาดว่าจะยังคงมีอิทธิพลสูงต่อตลาด ประกอบกับฐานยอดขายที่ต่ำในปี 2552 ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศมีโอกาสขยายตัวเป็นบวก แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงด้านการเมือง และการลงทุนอยู่บ้างก็ตาม